ประเทศไทยติดอันดับ Top 5 ของประเทศที่มีอัตราการเกิดโรคไตสูงที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจอย่างจริงจัง โรคไตไม่ได้เป็นสิ่งที่ห่างไกลจากชีวิตประจำวันอย่างที่หลายคนคิด โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานและชาวออฟฟิศที่มักมีพฤติกรรมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไตโดยไม่รู้ตัว บทความนี้จะเปิดเผยพฤติกรรมเหล่านั้น พร้อมคำแนะนำในการลดความเสี่ยงเพื่อรักษาสุขภาพไตให้แข็งแรง
รู้จักโรคไต ศัตรูเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
โรคไตเป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มโรคที่ทำให้ไตเกิดความเสียหาย และไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ ไตมีบทบาทสำคัญในการขับของเสีย สารพิษ และสารอาหารส่วนเกินออกจากร่างกายในรูปแบบของปัสสาวะ นอกจากนี้ ไตยังช่วยในการดูดซึมสารอาหารบางชนิด เมื่อไตเสียหาย การกำจัดของเสียจะลดลง ทำให้สารต่าง ๆ สะสมในร่างกาย ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น นิ่วในไต ไตอักเสบ และติดเชื้อในระบบต่าง ๆ
เมื่อไตเสื่อมลง ความสามารถในการกรองของเสียจะลดลง ทำให้ร่างกายต้องพึ่งพาการฟอกไตซึ่งเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง โรคไตจึงเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง ดังนั้น การป้องกันและการดูแลสุขภาพไตจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
พฤติกรรมเสี่ยงโรคไตในคนวัยทำงานและชาวออฟฟิศ
สำหรับคนวัยทำงานและชาวออฟฟิศ มักมีพฤติกรรมบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคไต โดยไม่ทันสังเกต เรามาทำความรู้จักพฤติกรรมเหล่านี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพของคุณ
1.กินอาหารรสจัดเป็นประจำ
อาหารไทยมีรสชาติที่หลากหลายและจัดจ้าน ซึ่งมักประกอบด้วยเครื่องปรุงที่มีปริมาณโซเดียมสูง เช่น เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว และผงชูรส การกินอาหารรสจัดเป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมเกินกว่าที่ควร ซึ่งส่งผลให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นในการขับโซเดียมออกจากร่างกาย
2.เสพติดการปรุงเพิ่ม
หลายคนมีนิสัยปรุงรสอาหารเพิ่ม แม้จะได้รับอาหารที่มีรสจัดอยู่แล้ว เช่น การเติมน้ำปลาพริกในก๋วยเตี๋ยว หรือปรุงรสเพิ่มในอาหารตามสั่ง นิสัยนี้ทำให้คุณได้รับโซเดียมมากเกินไป ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต
3. เลือกกินอาหารสำเร็จรูปเพื่อประหยัดเวลา
อาหารสำเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แฮม ไส้กรอก มักมีปริมาณโซเดียมสูงเพื่อเพิ่มรสชาติและยืดอายุการเก็บรักษา การบริโภคอาหารสำเร็จรูปเป็นประจำทำให้ไตต้องรับภาระหนักในการขับของเสียและโซเดียมออกจากร่างกาย
4. ชอบกินของทอดของมัน
อาหารที่มีไขมันสูงมักส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกาย ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคเบาหวานแล้ว ยังทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นในการขับไขมันออกจากร่างกาย ทำให้เสี่ยงต่อภาวะไตเสื่อม
5. กลั้นปัสสาวะบ่อย
การกลั้นปัสสาวะบ่อยอาจทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคในกระเพาะปัสสาวะ และหากเชื้อโรคเหล่านี้ลุกลามไปถึงไต จะทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อที่ไตได้ ซึ่งส่งผลให้ไตเสียหายและเสื่อมลงในระยะยาว
6. ดื่มน้ำน้อย
น้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยในกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกาย หากดื่มน้ำน้อย กระบวนการนี้จะช้าลง ทำให้ของเสียสะสมในร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตและไตอักเสบ
7. ใช้ยาหรืออาหารเสริมเกินความจำเป็น
การใช้ยาหรืออาหารเสริมเกินกว่าที่ร่างกายต้องการจะทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นในการขับส่วนเกินออกจากร่างกาย โดยเฉพาะยาที่ใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรืออาหารเสริมที่มีวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณสูงเกินไป การใช้สารเหล่านี้อย่างต่อเนื่องอาจส่งผลให้ไตเสื่อมลงได้
วิธีลดความเสี่ยงและดูแลสุขภาพไต
การลดความเสี่ยงต่อโรคไตสามารถทำได้โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น เลือกอาหารที่มีรสชาติจืด เลี่ยงการเติมเครื่องปรุงมากเกินไป ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ นอกจากนี้ ควรเลือกใช้ยาและอาหารเสริมอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น และตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคไตตั้งแต่เนิ่น ๆ
สรุปพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคไตในคนวัยทำงานและชาวออฟฟิศ
การป้องกันโรคไตในคนวัยทำงานและชาวออฟฟิศจำเป็นต้องเริ่มจากการระมัดระวังพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การกินอาหารรสจัด การเติมเครื่องปรุง และการบริโภคอาหารสำเร็จรูป พฤติกรรมเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากไม่ใส่ใจจะส่งผลให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไตอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและใส่ใจในการดูแลสุขภาพไตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำ