จีนได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปี 2023 จีนสามารถผลิตรถยนต์ได้มากถึง 30.16 ล้านคัน สูงกว่าญี่ปุ่นที่มีกำลังการผลิต 8.99 ล้านคัน และสหรัฐฯ ที่ 10.61 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการผลิตจำนวนมหาศาล แต่กำไรโดยรวมของบริษัทรถยนต์จีนกลับน้อยกว่า Toyota อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะวิเคราะห์สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ และนำเสนอภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์จีน
ส่วนที่ 1 กำไรที่สวนทางกับการผลิต
จากการสำรวจพบว่าในปี 2023 Toyota ทำกำไรได้ 4.94 แสนล้านบาท ในขณะที่ค่ายรถจีน 31 ค่ายรวมกัน ทำกำไรได้เพียง 4.29 แสนล้านบาทเท่านั้น โดย 21 ค่ายในจำนวนนี้ มีกำไรสุทธิไม่ถึง 1 แสนล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก
- สงครามราคา การแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดรถยนต์จีน ทำให้บริษัทต่างๆ ต้องลดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดลูกค้า ส่งผลให้กำไรต่อคันลดลงอย่างมาก
- การอุดหนุนจากรัฐบาล รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างมหาศาล ทำให้หลายบริษัทต้องผลิตรถ EV เพื่อรับเงินอุดหนุน ส่งผลให้เกิดการแข่งขันสูง และกำไรลดลง
- ต้นทุนที่สูง แม้ว่าจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ แต่บริษัทรถยนต์จีนบางส่วนยังคงมีต้นทุนการผลิตที่สูง โดยเฉพาะในส่วนของการวิจัยและพัฒนา (R&D)
- แบรนด์ที่ไม่แข็งแกร่ง แบรนด์รถยนต์จีนหลายยี่ห้อยังไม่เป็นที่รู้จักในระดับสากล ทำให้ไม่สามารถกำหนดราคาที่สูงได้เหมือน Toyota หรือ BMW
ส่วนที่ 2 การพัฒนาในอนาคต
แม้ว่าในปัจจุบัน กำไรของบริษัทรถยนต์จีนจะยังตามหลัง Toyota แต่บทความนี้เชื่อว่าอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์จีนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ดังนี้
- การเติบโตของตลาดในประเทศ การเติบโตทางเศรษฐกิจและรายได้ที่เพิ่มขึ้นของประชากรจีน ทำให้ตลาดรถยนต์ในประเทศยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
- การส่งออกที่เพิ่มขึ้น บริษัทรถยนต์จีนเริ่มขยายตลาดสู่ต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง
- การพัฒนาเทคโนโลยี บริษัทรถยนต์จีนลงทุนใน R&D อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของ EV และระบบขับขี่อัตโนมัติ ทำให้มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดโลกในอนาคต
- การควบรวมกิจการ การควบรวมกิจการของบริษัทรถยนต์ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จะช่วยลดการแข่งขันภายในประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จีนจะเผชิญกับความท้าทายในเรื่องของกำไร แต่ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด การลงทุนในเทคโนโลยี การขยายตลาด และการควบรวมกิจการ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้อุตสาหกรรมรถยนต์จีนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดโลกได้อย่างแท้จริง และอาจสามารถแซงหน้า Toyota ได้ในอนาคตอันใกล้นี้